40,000 บาทภายใน 7 วันกับ Diamond Holiday...ของจริง มาเป็นต้นสายก่อนใคร...ถ้าคุณรู้จัก TVI express นี่คือโปรแกรมที่จะมาทดแทนและอุดปัญหาที่เคยพบเจอ

www.diamondholidaytravel.co.cc

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

โอกาสประมาทร่วมเป็นไปได้ไหม

โอกาสประมาทร่วมเป็นไปได้ไหม
ถ้า รถทางโค้งขึ้นดอยโผล่ออกมานอกเลนของเขาทำให้เราต้องแตะเบรคแต่เป็นช่วงที่ ถนนลื่นทำให้รถของเราไปชนในเลนของเขาทางตำรวจบอกว่าหลักฐานไปทางเขาหมดเพราะ เศษสิ่งต่างตอกอยู่ที่เลนกลางแล้วทางเขาเป็นสองเลนทางเราเป็นเลนเดียวอย่าง นี้ทางเราพอสู้เป็นประมาทร่วมได้ไหมคะ

รถตัดหน้าหักหลบชนเกาะกลาง

รถตัดหน้าหักหลบชนเกาะกลาง
รถตัดหน้าหักหลบชนเกาะกลางถนน รถพังยับ คู่กรณีจอดลงมาดู
และให้นามบัตรพร้อมกับเลขกรมธรรมไว้ แบบนี้สามารถโทรไป
เรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทประกันของคู่กรณีได้มั๊ยครับ
คือไม่แน่ใจเพราะรถผมไม่มีประกันนะครับ

โดนรถชนแล้วไม่รับผิดชอบ

โดนรถชนแล้วไม่รับผิดชอบ
เมื่อ วันที่ 2 ส.ค. 52 แม่ข้ามถนนแถวสวนส้มธนาธร(รัตนาธิเบศ)โดนรถมอเตอร์ไซต์ชน ทำให้ซีโครงหักประมาณ 4-5 ซี กระดูกที่หักทิ่มปอด กระดูกข้อมือหัก กระดูกขาหัก 2 ท่อน ใส่ีเหล็กที่ขา ผู้ชนไม่ได้หลบหนีแต่แจ้งความว่าแม่วิ่งตัดหน้ารถ ซึ่งแม่ข้ามถนนกับเพื่อนไม่เห็นรถมอเตอร์ไซต์ วันรุ่งขึ้นไปพบตำรวจที่สน. ตำรวจบอกว่าคนที่ขับมอเตอร์ไซต์ต้องการเรียกร้องค่าซ่อมมอเตอร์ไซต์จากแม่ แม่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่มีประกันสังคม ฝ่ายที่ขับรถมอเตอร์ไซต์ระงับการจ่าย พรบ. และมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลให้แม่ยอมรับความผิดเพื่อให้ พรบ.จ่ายค่ารักษาพยาบาล และอย่าฟ้องร้องคดีเพราะไม่มีทางชนะ และจะเสียค่าทนายเป็นจำนวนมาก หรืออีกทางคือให้ยอมความยอมรับผิด และออกค่ารักษาพยาบาลเอง ทางเขาจะออกค่าซ่อมมอเตอร์ไซต์เอง เป็นอย่างนี้จะเริ่มต้นอย่างไรดีค่ะเพราะเค้าอ้างว่าตกงาน ไม่มีเงิน ที่สำคัญเขาเอารถมอเตอร์ไซต์ออกมาขับได้แล้ว ขอคำปรึกษาด่วนด้วยนะค่่ำะ

"ขับรถชน!!! อย่าตกใจ โปรดปฏิตามขั้นตอนนี้"

"ขับรถชน!!! อย่าตกใจ โปรดปฏิตามขั้นตอนนี้"
(เข้าชมทั้งหมด 447 คน)

อุบัติเหตุบนท้องถนน มีให้เห็นได้เสมอทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสารพัดตลอดทั้งปีของบ้านเรา มีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อย กระทั่งเสียชีวิต อีกกรณีก็คือพวกที่ชอบ "ชนแล้วหนี" มีให้เห็นตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกวัน ซึ่งฟังแล้วทำให้รู้สึกว่าคนสมัยนี้ขาดความรับผิดชอบและประมาทกันมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็มักจะตกใจจนไม่มีสติไม่รู้จะทำอย่างไรดี ที่สำคัญอุบัติเหตุบนท้องถนนยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของคนไทยด้วย แต่เมื่อห้ามกันไม่ได้หากจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ตัวคุณไม่ว่าจะเป็นผู้ขับ ผู้โดยสาร หรือผู้พบเห็นเหตุการณ์ก็ตามลองมาดูแนวทางปฏิบัติที่"ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง" นำมาให้อ่านกัน

1 ถ้าเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์
ควรช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ตามสมควรและเราจะต้องแสดงตัวเป็นพลเมืองดีโดยยินดีที่จะเป็นพยานในคดีให้ สมมุติว่าเราเห็นคนคันหนึ่งชนคนแล้วหนีสิ่งที่เราควรทำก็คือพยายามจดจำทะเบียนรถ ชื่อยี่ห้อ สีรถแล้วรีบแจ้งตำรวจทราบ เพื่อติดตามจับกุมต่อไป มีบางคนถึงกับขับรถตามไปคนประเภทนี้ควรได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดีต่อสังคม

2 ถ้าท่านเป็นคนเจ็บเพราะรถชน
สิ่งแรกที่ควรทำก็คือท่านต้องร้องให้คนอื่นช่วย ถ้าท่านยังมีสติอยู่ เพราะว่าคนที่มามุงดูอาจจะไม่ทราบว่าท่านบาดเจ็บร้ายแรงเพียงใดหากท่านยัง สามารถพูดได้ก็ขอให้บอกว่าเจ็บที่ตรงส่วนใดเพื่อจะได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้อง ต้น ส่วนเรื่องคดีนั้นเอาไว้พิจารณาทีหลัง หากเราบาดเจ็บเล็กน้อยและไม่มีพยานในที่เกิดเหตุเราควรจดทะเบียนรถไว้ เผื่อไปเรียกร้องค่าเสียหายที่หลัง

3 ถ้าท่านเป็นผู้ขับ
กรณีนี้อย่าหนีเป็นอันขาดเพราะความผิดฐานขับรถประมาทนั้นไม่ใช่เรื่องเจตนา ผู้กระทำผิดไม่ใช่อาชญากร โทษก็ไม่มากมายอะไรควรจะอยู่เพื่อต่อสู้กับความจริง มิฉะนั้นท่านจะต้องหลบหนีนานถึง 15 ปี ถ้าท่านขับรถชนคนเสียชีวิต แต่ถ้าท่านมอบตัวสู้คดีบางทีท่านก็ไม่มีความผิด หรือมีความผิดศาลก็ปรานีลดโทษให้ ถ้าท่านมีน้ำใจ

หน้าที่ของคนขับรถเมื่อเกิดรถชนกันนั้น กฎหมายกำหนดดังนี้
3.1 ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร เช่น ขับรถชนคนก็ต้องหยุดรถช่วยเหลือคนที่ถูกชน นำส่งโรงพยาบาล
3.2 ต้องไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที คือต้องรีบแจ้งตำรวจใกล้เคียงทันที แต่ต้องบอกด้วยว่าเราเป็นคนขับรถอะไร
3.3 แจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่หมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้เสียหาย
3.4 ถ้าเป็นผู้ขับขี่ที่หลบหนีหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กฎหมายให้ สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิดและตำรวจมีอำนาจยึดรถไว้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับ ขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด
3.5 ถ้าคนขับคนใดไม่ปฏิบัติตามกฎข้อ 1, 2 และ 3 แล้วจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าคนที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตต้องจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท

4.ถ้ารถท่านมีประกันก็ต้องรีบแจ้งต่อบริษัทประกันทันที
เพราะบริษัทประกันจะมีเจ้าหน้าที่มาตามที่เกิดเหตุ พร้อมกับทำแผนที่เกิดเหตุไว้พร้อมเพื่อเอาไว้สู้คดี

5 ถ้ามีกล้องถ่ายรูปต้องรีบถ่ายรูปรถไว้ทันที
นอกจากนี้ยังต้องถ่ายรายละเอียดต่างๆไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุ ความเสียหายตามจุดต่างๆของรถ รวมถึงรถของคู่กรณี หรือหากว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุก็ให้ขอรูปจากมูลนิธิที่ทำการเก็บภาพไว้เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในภายหลัง

6 ควรช่วยเหลือคนเจ็บ หรือค่าทำศพของผู้เสียชีวิต
เรื่องนี้สำคัญมากๆคนขับรถมักไม่ค่อยเห็นประโยชน์ ของการช่วยเหลือเหล่านี้ความจริงเมื่อคุณขับรถชนคนเสียชีวิต หรือบาดเจ็บหรือขับรถโดยประมาทนั้นมีโทษทางอาญฟา
- ทางอาญา คุณอาจจะต้องรับโทษจำคุก
- ทางแพ่ง คุณจะต้องชดเชยค่าเสียหายค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพให้กับคู่กรณี หากคุณช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ไม่ชนแล้วหนี ต่อมาเมื่อเรื่องถึงศาล ศาลก็จะเห็นถึงความมีน้ำใจของคุณก็อาจจะรอลงอาญาให้เราโดยไม่จำคุกเรา แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณหนีศาลมักจะให้จำคุกเลยเพราะเห็นว่าคุณเป็นคนแล้งน้ำใจ การตกลงใช้ค่าเสียหายให้คนเจ็บก็มีประโยชน์มาก
ยก ตัวอย่างเช่นถ้าไม่พยายามตกลงใช้ค่าเสียหายให้กับคนเจ็บ ตำรวจเขาจะมีระเบียบไว้ว่าไม่ให้คืนของกลางให้แก่ผู้ต้องหาจนกว่าผู้ต้องหา จะพยายามตกลงกับผู้เสียหายและถ้าคุณยอมชดเชยค่าเสียหายและค่าทำศพให้กับผู้ เสียหาย คดีแพ่งก็ระงับเพราะถือว่ายอมความคดีแพ่งกันแล้ว จะฟ้องเรียกค่าเสียหายคุณในทางแพ่งไม่ได้อีกแล้ว
ทั้งนี้การใช้รถใช้ถนนร่วมกันให้ดีขึ้นนั้น เราทุกคนควรขับรถอย่างมีสติไม่ประมาทและมีน้ำใจให้แก่กัน เพียงเท่านี้อุบัติเหตุก็จะไม่เกิดขึ้นแล้ว

ข้อมูลจากหนังสือ เชฟวี่ ทอล์ค

"ขับรถชนอย่งไรให้ได้เปรียบ"

"ขับรถชนอย่งไรให้ได้เปรียบ"
(เข้าชมทั้งหมด 785 คน)

คดี ที่ปวดหัวเรื่องหนึ่งคือคดีรถชนหรือโดนกัน ปวดหัวทั้งคนขับคู่กรณีและพนักงานสอบสวน ใครมีเส้นมีสาย เส้นเล็กเส้นใหญ่ขนมาใช้กัน พวกที่ไม่มีเส้นไม่ค่อยรู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ต้องขวนขวาย เป็นเรื่องที่ผมถูกปลุกตอนดึกๆอยู่เสมอ จะบอกเคล็ด(ไม่ลับ)ให้ตามหัวข้อเรื่อง “ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ” ผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่หรือคนเดินเท้าควรทราบ ไม่ได้สอนให้หัวหมอหรือเอาเปรียบคู่กรณี แต่คุณควรจะรู้กฏเกณฑ์กติกาที่ตำรวจหรือพนักงานสอบสวน, พนักงานอัยการ,ศาล,ทนายความหรือพนักงานเคลมของบริษัทประกันภัยเขาใช้กัน กฏหมายฉบับเดียวคือพระราชบัญญัติการจราจรทางบกซึ่งมีอยู่แค่ร้อยกว่ามาตรา ผู้ทำหน้าที่สอบสวนและพิพากษาคดีใช้กฏหมายเล่มนี้เป็นคัมภีร์ แต่ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ทราบว่าได้ศึกษากฏหมายฉบับนี้บ้างหรือไม่ บางคนไม่เคยอ่านเลยแต่สอบใบอนุญาตขับขี่ผ่าน คนรุ่นเก่าใช้เส้นสายทำใบอนุญาตขับขี่โดยไม่ได้

สอบ บางคนอ่านเพียงแค่ผ่านตาไปเที่ยวเดียว ฉะนั้นเคล็ดลับของการ “ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ”คือ ให้ท่านไปหาซื้อ พ.ร.บ.จราจรทางบกมาอ่านทำความเข้าใจอย่างน้อย ๒ เที่ยวต่อเดือน อ่านทุกเดือนนะครับไม่เช่นนั้นลืม ตำรวจหรือพนักงานสอบสวนเขาต้องเปิดดูบ่อยเพราะมีคดีรถชนหรือโดนกันทุกวัน
ทบทวน ความรู้เดิมกันสักหน่อยนะครับ เริ่มตั้งแต่คำจำกัดความ ท่านคงเข้าใจแล้วนะว่า ทางร่วมทางแยก ที่คับขัน เขตปลอดภัย ช่องเดินรถ เส้นห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถ เส้นแนวหยุด เส้นให้ทาง เส้นทางข้าม เส้นทะแยงห้ามหยุดรถ เส้นชลอความเร็ว ฯลฯมีความหมายเช่นไร และท่านจะต้องปฏิบัติเช่นไรจึงจะถูกต้อง ถ้าไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติผิดเพี้ยนไปเป็นอย่างอื่นก็คือผิด เมื่อท่านไม่ปฏิบัติตามกฏจราจรแล้วถือว่าท่านประมาทปราศจากความระมัดระวัง นั่นก็คือถูกตัดสินให้เป็นฝ่ายผิด ส่วนมากตำรวจหรือพนักงานสอบสวนจะชี้เบื้องต้นให้คู่กรณีทราบก่อนว่า “คุณเสียเปรียบคู่กรณี”(ที่จะชี้ว่าได้เปรียบคู่กรณีไม่เคยมี ) และมักจะไม่ชี้ชัดร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า คุณเป็นฝ่ายถูกหรือเป็นฝ่ายผิด ภาษานักเลงเรียกว่า “แทงกั๊ก” มันมีเหตุผลหลายอย่างครับ
นอกจากนี้แล้ว ยังมีลักษณะสำคัญของกฏหมายฉบับนี้ที่ท่านต้องแม่น คือเรื่องการใช้ทางเดินรถ ตั้งแต่การขับรถ การขับแซงและผ่านขึ้นหน้า การออกรถ การเลี้ยวรถ การกลับรถ การหยุด การจอด การใช้ความเร็ว การปฏิบัติตามสัญญาณและเครื่องหมายจราจร กฏหมายเขียนไว้ละเอียดยิบ ผมยังงงว่าคดีรถชนเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อกฏหมายกำหนดไว้ชัดเจนให้ทำอย่าง นั้นให้ทำอย่างนี้ ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกฏแล้วไม่มีทางที่รถจะโดนกันได้เลย ยกตัวอย่างเช่นการขับขี่รถจะต้องขับขี่ในช่องทางเดินรถ ถนนบางเส้นทางตีช่องทางไว้ให้ขนาดกว้างช่องละประมาณ ๒ เมตรครึ่ง ขนาดของรถยนต์ปกติกว้างที่สุดประมาณ ๑ เมตร ๘๐ เซ็นต์ กฏหมายห้ามขับขี่รถคร่อมเส้นแบ่งช่องทาง เส้นทางใดที่ไม่มีเส้นแบ่งช่องทางเดินรถก็ให้ถือแนวกึ่งกลางถนนเป็นแนวเส้น แบ่ง การขับรถตามกันให้เว้นระยะห่างพอสมควรพอที่ผู้ขับขี่รถคันหลังจะหยุดรถได้ ทันเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นกับรถที่ขับขี่อยู่ข้างหน้า (มีบัญญัตไว้ใน ม.๔๐) เรื่องการเว้นระยะห่างนี้ศาลฎีกาเคยพิพากษาเป็นบันทัดฐานว่าอย่างน้อย ๑๕ เมตร และถ้าหากรถมีความเร็วต้องเว้นระยะห่างมากยิ่งขึ้น ความเร็วของรถยนต์ในเมืองสูงสุดได้ไม่เกิน ๙๐ กม./ชม. และเมื่อขับขี่เข้าเขตเทศบาล หรือผ่านทางแยกต้องลดความเร็วลงครึ่งหนึ่ง ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกฏแล้วไม่มีทางที่รถจะโดนกันได้เลยเว้นแต่คุณจงใจจะขับชน สถิติคนตายเพราะอุบัติเหตุจราจรของประเทศไทยทั้งประเทศ ในยามปกติจะเสียชีวิตชั่วโมงละ ๑ คนครึ่ง ถ้าในช่วงเทศกาลเสียชีวิตชั่วโมงละ ๓ คน (เป็นตัวเลขถัวเฉลี่ย) จะเห็นว่าคนตายเพราะอุบัติเหตุรถชนหรือโดนกันมากว่าในการสู้รบหรือทำสงคราม และมากกว่าโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายทั้งปวง
เมื่อถึงเทศกาลครั้งหนึ่งๆ เช่นวันสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ มีผู้คนใช้รถใช้ถนนกันมาก อุบัติเหตุเกิดขึ้นสูงตามไปด้วย รัฐบาลรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยโดยวัดกันที่จำนวนคนตาย สมัยที่ผมยังมีหน้าที่อยู่ (ตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวง) เคยเข้า ร่วมประชุม ผมพยายามคัดค้านตลอดว่า จะวัดกันที่จำนวนคนเจ็บคนตายไม่ได้ มันต้องวัดกันที่จำนวนครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ เรื่องการเจ็บการตายเป็นเรื่องประสิทธิภาพของการแพทย์และหน่วยกู้ภัย ยกตัวอย่างคนขับรถโดยสารขับรถหลับในพาผู้โดยสารจำนวน ๔๐ คนลงเหวข้างทาง ผู้โดยสารและผู้ขับขี่ตายหมด อย่างนี้จะถือว่าผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องควบคุมจัดการจราจรบกพร่องทำให้มี ผู้เสียชีวิตจากการจราจรตั้ง ๔๑ คนไม่ได้ เพราะอุบัติเหตุเกิดจากผู้ขับขี่ประมาทเพียงคนเดียวรายเดียว ผมก็ไม่รู่ว่ารัฐบาลเขาคิดกันยังไง
สาเหตุใหญ่ๆที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนหรือโดนกัน

ขับขี่รถใช้ความเร็วเกินกฏหมายกำหนด
เลี้ยวรถตัดหน้ารถอื่นในระยะกระชั้นชิด
เปลี่ยนช่องทางเดินรถ หยุดรถ เลี้ยวรถโดยไม่ให้สัญญาณก่อนล่วงหน้า
ขับ ขี่รถในขณะที่ร่างกายหย่อนความสามารถในการขับขี่ เช่นหลับในรวมทั้งขับรถในขณะมึนเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นด้วยและท่านได้ โปรดทราบไว้ด้วย
- กรณีเลี้ยวรถทางขวาหรือกลับรถ ห้ามกระทำเมื่อมีรถสวนทางมาในระยะห่างน้อยกว่า ๑๐๐ เมตร(มาตรา ๕๒)
- ผู้ขับขี่รถต้องให้สัญญาณก่อนที่จะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ จอดรถหรือหยุดรถ ในระยะทางไม่น้อยกว่า ๓๐ เมตร (มาตรา ๓๖)
- การขับขี่รถขึ้นหน้ารถอื่นหรือแซงรถ ต้องแซงทางด้านขวา เว้นในกรณีที่รถที่ถูกแซงกำลังจะเลี้ยวขวา หรือเป็นถนนที่แบ่งช่องทางเดินรถในทิศทางเดียวกันตั้งแต่สองช่องขึ้นไป (มาตรา ๔๕)
- การขับขี่แซงขึ้นหน้ารถอื่นในทางเดินรถซึ่งมิได้แบ่งช่องเดินรถไว้ ต้องให้สัญญาณโดยกระพริบไฟหน้าหลายๆครั้ง หรือให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวา เมื่อเห็นว่าไม่เป็นการกีดขวางและทำได้อย่างปลอดภัยจึงจะแซงขึ้นหน้าได้ (มาตรา ๔๔) ผู้ขับขี่รถแซงขึ้นหน้ารถอื่นเป็นฝ่ายที่จะต้องใช้ความระมัดระวัง
- ผู้ขับขี่รถคันที่จะถูกแชง เมื่อจะให้รถอื่นแซงขึ้นหน้า ต้องให้ไฟสัญญาณกระพริบเหลืองอำพันที่ติดอยู่ท้ายรถด้านซ้ายหรือไฟเลี้ยว ซ้าย (กรณีแซงด้านซ้ายเป็นเรื่องห้ามแซงตามที่ได้กล่าวไปแล้ว) ข้อนี้เป็นเรื่องของมรรยาทการขับขี่รถ (มาตรา ๓๘อนุ ๓)
- กรณีห้ามแซงเด็ดขาด เมื่อรถกำลังขึ้นทางชัน ขึ้นสะพาน อยู่ในทางโค้ง(เว้นแต่จะมีเครื่องหมายให้แซงได้) ภายในระยะ ๓๐ เมตรก่อนถึงทางข้าม ทางร่วม ทางแยก วงเวียน ทางเดินรถที่ตัดกับทางรถไฟ เมื่อมีหมอก ฝน ฝุ่นหรือควันทำให้ไม่อาจมองเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ ๖๐ เมตร เมื่อเข้าที่คับขันหรือเขตปลอดภัย (มาตรา ๔๕)
- ในทางเดินรถ ให้ถือเป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้ชนหรือโดนคนเดิน เท้า (มาตรา ๓๒ กฏหมายบังคับให้คนขับรถต้องระมัดระวังคนเดินเท้า)
- แต่ในกรณีที่ผู้ขับขี่รถ ชนหือโดนคนเดินเท้าที่ข้ามถนนทางนอกทางข้าม (เมื่ออยู่ในเขตที่บังคับให้ต้องข้ามในทางข้าม) หรือลอด หรือผ่านสิ่งปิดกั้นห้ามข้ามทาง ถ้าพนักงานสอบสวนเห็นว่าผู้ขับขี่ได้ใช้ความระมัดระวังเพียงพอแล้ว มีอำนาจปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องมีหลักประกันได้ (มาตรา ๑๔๕)

โปรด สำรวจตนเองว่าท่านแม่นกฏหมายจราจรเพียงใด แล้วท่านปฏิบัติตามด้วยหรือไม่ ถ้าท่านยังไม่ทราบต้องรีบหาซื้อกฏหมายจราจรมาอ่าน มิฉะนั้นเมื่อตำรวจหรือพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนท่านจะพูดอะไรที่มันเข้า ตัว เท่ากับสารภาพผิดไปโดยปริยาย อย่าลืมนะครับ อ่านกฏหมายจราจรเดือนละ ๒ เที่ยวทุกเดือน ขับรถชนเมื่อใดรับรองท่านได้เปรียบ.

พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท

40,000 บาทภายใน 7 วันกับ Diamond Holiday...ของจริง มาเป็นต้นสายก่อนใคร...ถ้าคุณรู้จัก TVI express นี่คือโปรแกรมที่จะมาทดแทนและอุดปัญหาที่เคยพบเจอ

www.diamondholidaytravel.co.cc